รายงานล่าสุดจาก CryptoSlate เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ได้เปิดเผยถึงการเคลื่อนไหวของคณะทำงานด้านคริปโตของประธานาธิบดี Donald Trump ที่กำลังพิจารณาการสำรองบิทคอยน์ (Bitcoin Reserve) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความชัดเจนด้านกฎระเบียบและส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
Bitcoin Reserve ภายใต้รัฐบาลทรัมป์
ภายในรายงานได้ระบุถึงบทสัมภาษณ์ของ David Sacks ผู้นำด้าน AI และคริปโตภายในทำเนียบขาว ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) โดยรัฐบาลทรัมป์ตั้งใจที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายที่เป็นระบบ ซึ่งจะแยกธุรกิจที่ปฏิบัติตามกฎหมายออกจากผู้กระทำผิด เพื่อดึงดูดบริษัทคริปโตให้กลับมาดำเนินงานในสหรัฐฯ
JUST IN: Crypto Tsar David Sacks says a Bitcoin Reserve is “one of the first things” he will look into. pic.twitter.com/XxChGlc8EY
— Bitcoin Archive (@BTC_Archive) February 4, 2025
David Sacks เผยว่าการจัดตั้งสำรองบิทคอยน์นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดังกล่าว โดยมองว่า บิทคอยน์ เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินสำรองของโลก อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันให้เข้ามาลงทุนในตลาดคริปโตมากขึ้น
เดินหน้าผลักดันกฎหมาย Stablecoin
รายงานยังได้เปิดเผยถึงการพิจารณาผ่านร่างกฎหมาย Clarity for Payment Stablecoins Act of 2024 ที่สมาชิกวุฒิสภา Bill Hagerty ได้เสนอไปเมื่อปีที่ผ่านมา (2024) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลระดับรัฐบาลกลางสำหรับการชำระเงินด้วย Stablecoin ในสหรัฐอเมริกา
🚨BREAKING: Here is the official Stablecoin Bill! $RLUSD #XRPhttps://t.co/SOvpmPI69a pic.twitter.com/ZlvMvK0WVq
— JackTheRippler ©️ (@RippleXrpie) February 5, 2025
โดยกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ออก Stablecoin ต้องรักษาสัดส่วนทุนสำรอง 1:1 โดยใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ เงินฝาก หลักทรัพย์ของกระทรวงการคลัง และสินทรัพย์สภาพคล่องอื่นๆ และต้องปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันการฟอกเงินภายใต้ Bank Secrecy Act
ร่างกฎหมายดังกล่าวยังเรียกร้องให้มีการพัฒนามาตรฐานการทำงานร่วมกันสำหรับ Stablecoin และส่งเสริมข้อตกลงต่างตอบแทนกับเขตอำนาจศาลระหว่างประเทศที่มีกรอบการกำกับดูแลที่คล้ายคลึงกัน และอนุญาตให้ผู้ออกที่มีมูลค่าตลาดต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เลือกที่จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลระดับรัฐได้
SEC ตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจด้านคริปโต
เรียกได้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ของทำเนียบขามถือเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลภายในสหรัฐ ในขณะที่ทางฝั่งของหน่วยงาน SEC ก็มีการได้เปิดตัวหน่วยงานเฉพาะกิจคริปโตเป็นครั้งแรก ซึ่งนำโดย กรรมาธิการ Hester Peirce โดยมีเป้าหมายในการพัฒนากรอบการกำกับดูแลใหม่สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
Peirce ยอมรับว่าการจัดการคริปโตของ SEC ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมานั้นไม่สอดคล้องกัน ซึ่งนำไปสู่ความไม่แน่นอนในตลาด ซึ่งหน่วยงานเฉพาะกิจนี้จะทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ และกับสภาคองเกรสเพื่อกำหนดกฎที่ชัดเจน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การกำหนดสถานะความปลอดภัยของสินทรัพย์คริปโต การทบทวนกรอบการทำงานสำหรับการเสนอขายโทเค็น การปรับเปลี่ยนเส้นทางการลงทะเบียน และการสำรวจโซลูชันการดูแลสำหรับที่ปรึกษาการลงทุน
เรียกได้ว่าในปัจจุบันดูเหมือนภูมิทัศน์ของคริปโตเคอร์เรนซีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับกระเป๋าเงินดิจิทัลอย่าง Best Wallet ที่ขับเคลื่อนโดยโทเค็น BEST และกำลังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักลงทุนทั้งมือใหม่และผู้มีประสบการณ์ จากฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยขั้นสูง รองรับ Multi-Chain และ Multi-Wallet รวมถึงโอกาสในการรับ Airdrop ทำให้มันได้กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู่โลกคริปโต