Bitcoin คืออะไรในปี 2024: ความหมาย กำเนิด และพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

Bitcoin คืออะไร?

Bitcoin คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ทำงานอยู่บนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ ซึ่งการทำธุรกรรมจะได้รับการตรวจสอบโดยผู้ที่เรียกว่า miners และบันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภทสาธารณะที่เรียกว่า blockchain ซึ่งช่วยให้ผู้ถือครองสามารถทำธุรกรรมแบบ Peer-to-peer โดยไม่ต้องพึ่งพาสถาบันการเงินเหมือนเงินดั้งเดิมที่ออกและควบคุมโดยรัฐบาล 

ข้อแตกต่างระหว่าง Bitcoin และสกุลเงินดั้งเดิม

Bitcoin มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากสกุลเงินแบบ fiat money ดังนี้:

  • การกระจายศูนย์: Bitcoin ทำงานบนเครือข่ายกระจายศูนย์ ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินทั่วไปที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลาง
  • รูปแบบดิจิทัล: Bitcoin อยู่ในรูปแบบดิจิทัล และไม่มีรูปแบบเหรียญหรือธนบัตรเหมือนเงินสดทั่วไป ขณะที่ fiat money สามารถมีทั้งรูปเงินสดและยอดเงินในบัญชีธนาคาร
  • การทำธุรกรรมโดยตรง: การทำธุรกรรมผ่าน Bitcoin เกิดขึ้นโดยตรงระหว่างผู้ใช้งานสู่ผู้ใช้งาน โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางเช่นธนาคาร

Bitcoin คืออะไรในปี 2024: ความหมาย กำเนิด และพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

การทำงานของ Bitcoin

เทคโนโลยี blockchain ถือเป็นเป็นรากฐานสำคัญของการทำงานของ Bitcoin โดยทุกการทำธุรกรรมจะถูกจัดเก็บไว้ในกลุ่มข้อมูลที่เรียกว่า block โดยแต่ละบล็อกจะเชื่อมโยงกับบล็อกก่อนหน้าในลำดับเวลา กลายเป็น chain ที่เชื่อมต่อกัน โครงสร้างนี้ช่วยให้ระบบมีความโปร่งใสและปลอดภัย เนื่องจากผู้เข้าร่วมเครือข่ายทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลเดียวกันได้

ด้วยลักษณะกระจายศูนย์ของเทคโนโลยี blockchain ทำให้ไม่มีองค์กรใดสามารถควบคุมหรือครอบงำระบบได้ จึงทำให้มันสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการที่ในแต่ละบล็อกจะมีสิ่งที่เรียกว่า cryptographic hash ของบล็อกก่อนหน้า ซึ่งทำให้การเปลี่ยนแปลงข้อมูลย้อนหลังต้องปรับเปลี่ยนทุกบล็อกที่เชื่อมโยงกัน นี่ต้องใช้พลังการประมวลผลจำนวนมหาศาล ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

การใช้งาน Bitcoin ในชีวิตประจำวัน

ในแง่ของการใช้งานจริง Bitcoin สามารถนำมาใช้ได้คล้ายกับเงินตราแบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น:

การซื้อสินค้าและบริการ: ปัจจุบันมีธุรกิจจำนวนมาก รวมถึงบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Expedia ที่ยอมรับ Bitcoin เป็นช่องทางการชำระเงินสำหรับสินค้าและบริการ การนำ Bitcoin มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำได้จริงสำหรับผู้ถือครองเหรียญนี้

การโอนเงินระหว่างประเทศ: Bitcoin คือเครื่องมือที่ช่วยให้การโอนเงินข้ามประเทศเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและคุ้มค่ามากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับระบบธนาคารแบบดั้งเดิม การโอน Bitcoin ไม่เพียงลดค่าธรรมเนียมที่สูง แต่ยังช่วยให้ธุรกรรมเสร็จสิ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น โดยไม่ต้องรอหลายวัน

การลงทุน: หลายคนมองว่า Bitcoin คือการลงทุนที่น่าสนใจ แม้ว่าราคาของมันจะมีความผันผวนสูง แต่ตั้งแต่เปิดตัวมา Bitcoin ก็แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของมูลค่าที่น่าทึ่ง นักลงทุนจำนวนมากจึงเลือกซื้อ Bitcoin ด้วยความหวังว่ามูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ที่มาของ Bitcoin และประวัติการอ้างอิง

Bitcoin ถูกพูดถึงครั้งแรกในช่วงวิกฤตการณ์การเงินเมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จุดประกายแนวคิดการสร้างสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ โดยการเปิดตัวของ Bitcoin เริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อโดเมนเนม bitcoin.org ถูกจดทะเบียนในวันที่ 18 สิงหาคม 2008 นับเป็นก้าวแรกของสกุลเงินดิจิทัลที่ในเวลาต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการเงินที่สำคัญที่สุดของศตวรรษ

จากนั้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2008 ได้มีบุคคลหรือกลุ่มลึกลับที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto ได้เผยแพร่เอกสาร White Paper ที่ใช้ชื่อว่า Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System ซึ่งนำเสนอแนวคิดที่แปลกใหม่เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น ธนาคาร โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานสามารถทำธุรกรรมระหว่างกันโดยตรงผ่านเครือข่ายแบบ Peer-to-Peer ได้อย่างอิสระและปลอดภัย

Bitcoin คืออะไรในปี 2024: ความหมาย กำเนิด และพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

โดยเอกสารยังชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของระบบการเงินแบบดั้งเดิม เช่น ค่าธรรมเนียมที่สูง ความเสี่ยงจากการฉ้อโกง และความจำเป็นต้องไว้วางใจในสถาบันรวมศูนย์ พร้อมกับนำเสนอการใช้งานเทคโนโลยี blockchain ซึ่งเป็นบัญชีแยกประเภทแบบสาธารณะ พร้อมระบบการเข้ารหัสที่เสริมความปลอดภัย ที่จะช่วยให้ธุรกรรมทั้งหมดโปร่งใสและไม่สามารถแก้ไขย้อนหลังได้ 

ต่อมาในวันที่ 3 มกราคม 2009 Nakamoto ได้ขุด genesis block หรือบล็อกแรกของ Bitcoin blockchain (block หมายเลข 0) ถือเป็นการเปิดตัวระบบอย่างเป็นทางการ

Bitcoin Halving คืออะไรและผลกระทบในปี 2024

เรียกได้ว่า Bitcoin halving ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญมากที่สุดในวงการคริปโต โดยมันจะเกิดขึ้นทุกๆ ประมาณสี่ปี โดยที่รางวัลรางวัลของเหล่านักขุด Bitcoin จะถูกลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งสิ่งนี้เป็นไปตามการออกแบบที่ Satoshi Nakamoto วางไว้ เนื่องจากกลไกนี้มีส่วนช่วยสร้างความขาดแคลนและลักษณะเงินฝืด (deflationary) ที่จะช่วยให้ Bitcoin มีความแตกต่างระบบเงินตราแบบ fiat อย่างสิ้นเชิง

Bitcoin Halving คืออะไร?

ตามหลักการ Bitcoin halving คือเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในทุกๆ 210,000 บล็อกที่ถูกขุดขึ้นมา ซึ่งโดยปกติจะใช้เวลาประมาณสี่ปีต่อครั้ง จุดประสงค์หลักคือการควบคุมจำนวน Bitcoin ที่เข้าสู่ระบบให้มีข้อจำกัด ด้วยกลไกนี้ประกอบกับจำนวน Bitcoin ทั้งหมดในระบบถูกจำกัดไว้ไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าเหรียญจะถูกขุดได้ครบทั้งหมดในช่วงประมาณปี 2140

ในช่วงแรกเริ่ม นักขุดจะได้รับรางวัล 50 bitcoins ต่อบล็อก โดยรางวัลจะลดลงครึ่งหนึ่งในทุกครั้งที่มี halving ซึ่งในขณะนี้ได้ผ่านมาแล้วถึง 4 ครั้ง ดังนี้:

  • Halving ครั้งที่ 1 (28 พฤศจิกายน 2012): รางวัลถูกลดจาก 50 BTC เหลือ 25 BTC
  • Halving ครั้งที่ 2 (9 กรกฎาคม 2016): รางวัลลดลงจาก 25 BTC เป็น 12.5 BTC
  • Halving ครั้งที่ 3 (11 พฤษภาคม 2020): รางวัลลดลงจาก 12.5 BTC เหลือ 6.25 BTC
  • Halving ครั้งที่ 4 (20 เมษายน 2024): รางวัลลดลงจาก 6.25 BTC เหลือ 3.125 BTC

ผลกระทบทางประวัติศาสตร์ที่เกิดจาก Bitcoin Halving

หากมองย้อนกลับไปที่ประวัติของการ halving ก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีผลต่อราคาของ Bitcoin อย่างมาก เนื่องจากการลดปริมาณ Bitcoin ใหม่ที่เข้าสู่ตลาดส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น เช่น:

  • ครั้งที่ 1 (28 พฤศจิกายน 2012): ราคาก่อน halving อยู่ที่ประมาณ $12 และเพิ่มขึ้นจนเกิน $1,000
  • ครั้งที่ 2 (9 กรกฎาคม 2016): ราคาก่อน halving อยู่ที่ประมาณ $650 และพุ่งขึ้นไปมากกว่า $20,000
  • ครั้งที่ 3 (11 พฤษภาคม 2020): ราคาก่อน halving อยู่ที่ประมาณ $6,900 และต่อมาแตะระดับสูงกว่า $60,000 

ทั้งนี้เรียกได้ว่าใน Bitcoin Halving ครั้งที่ 4 ที่เกิดขึ้นในวันที่ 20 เมษายนปี 2024 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งใหญ่สำหรับตลาดคริปโต เนื่องจาก Bitcoin เริ่มมีการทำราคาปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และสามารถทำราคาทะลุระดับ 70,000 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรก (ก่อนที่จะมีการทำราคาพุ่งทะยานขึ้นไปถึง 100,000 ดอลลาร์ จากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐหลังจากนั้นนายเดือนพฤศจิกายนปี 2024)

Bitcoin คืออะไรในปี 2024: ความหมาย กำเนิด และพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น

ข้อดีและข้อเสียของ Bitcoin

Bitcoin ถือเป็นสกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ที่ได้รับความสนใจอย่างมากทั้งในแง่ของการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยต่อไปนี้จะเป็นการเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของมันอย่างละเอียด:

ข้อดีของ Bitcoin

  • ระบบกระจายอำนาจ: Bitcoin ทำงานบนเครือข่ายแบบกระจายศูนย์ (Distributed Network) ที่ไม่ต้องพึ่งพาธนาคารหรือสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ส่งผลให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการจัดการทรัพย์สินของตนเองโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง
  • โปร่งใสและปลอดภัย: ทุกธุรกรรมของ Bitcoin จะถูกบันทึกลงในบล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบบัญชีสาธารณะที่แก้ไขหรือปลอมแปลงได้ยาก ทำให้มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัยและความโปร่งใสของข้อมูล
  • โอกาสในการทำกำไรสูง: ราคาของ Bitcoin ที่มีความผันผวนสูง เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถสร้างผลกำไรได้มาก แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของราคา
  • การใช้งานได้ทั่วโลก: ผู้ที่มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสามารถใช้งาน Bitcoin ได้ ซึ่งทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือการเข้าถึงบริการทางการเงินทั่วไป

ข้อเสียของ Bitcoin

  • ความผันผวนของราคา: ราคาที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอนของ Bitcoin อาจทำให้นักลงทุนต้องเผชิญกับการขาดทุนอย่างหนักในระยะเวลาอันสั้น
  • ไม่มีการควบคุมจากภาครัฐ: การขาดการกำกับดูแลจากหน่วยงานหรือรัฐบาลทำให้ผู้ใช้งานไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมาย หากเกิดกรณีการหลอกลวงหรือการฉ้อโกง
  • การยอมรับที่ยังจำกัด: แม้ Bitcoin จะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แต่ยังคงมีธุรกิจและร้านค้ามากมายที่ไม่รองรับการชำระเงินด้วย Bitcoin ทำให้การใช้งานในชีวิตประจำวันยังไม่แพร่หลาย
  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย: แม้ว่าบล็อกเชนจะมีความปลอดภัยสูง แต่กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ใช้งานยังคงเสี่ยงต่อการถูกแฮ็ก หากไม่มีการป้องกันหรือการจัดการที่เหมาะสม
  • ความซับซ้อนทางเทคนิค: สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นใช้งาน Bitcoin ความเข้าใจในเทคโนโลยีและขั้นตอนต่างๆ อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อน ซึ่งอาจนำไปสู่ความผิดพลาดหรือการสูญเสียทรัพย์สิน
  • ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม: การขุด Bitcoin ต้องใช้พลังงานในปริมาณมหาศาล ส่งผลต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม

การขุด Bitcoin และวิธีการได้กำไร

การขุด Bitcoin เป็นหัวใจสำคัญของการยืนยันธุรกรรมและการรักษาความปลอดภัยในระบบเครือข่ายของ Bitcoin นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ Bitcoin ใหม่ถูกสร้างขึ้นและเข้าสู่ระบบหมุนเวียนของตลาดดิจิทัล บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจกระบวนการขุด Bitcoin อุปกรณ์ที่จำเป็น และวิธีการทำกำไรจากการขุดในรูปแบบต่างๆ

กระบวนการขุด Bitcoin

กระบวนการขุด Bitcoin มีขั้นตอนที่ซับซ้อนแต่มีโครงสร้างชัดเจน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลักดังนี้:

  1. ยืนยันธุรกรรม: นักขุดจะรวบรวมธุรกรรมที่ยังไม่ได้รับการยืนยันจาก โดยธุรกรรมที่มีค่าธรรมเนียมสูงกว่าจะถูกเลือกก่อนเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับนักขุด
  2. สร้างบล็อก: เมื่อเลือกธุรกรรมแล้ว ระบบจะสร้าง Merkle root ซึ่งเป็นการสรุปข้อมูลธุรกรรมทั้งหมด จากนั้นข้อมูลนี้จะถูกรวมเข้ากับส่วนหัวของบล็อค พร้อมข้อมูลสำคัญ เช่น แฮชของบล็อกก่อนหน้าและเวลาในการบันทึก
  3. Proof of Work: นักขุดต้องแก้ปริศนาทางคณิตศาสตร์ด้วยการค้นหา nonce ซึ่งเป็นค่าตัวเลขที่สุ่มขึ้นมา การคำนวณนี้ต้องใช้อัลกอริทึม SHA256 เพื่อให้ได้แฮชที่ตรงตามเกณฑ์ที่เครือข่ายกำหนด เช่น ต้องเริ่มต้นด้วยศูนย์จำนวนหนึ่ง กระบวนการนี้ใช้พลังงานและความสามารถในการคำนวณสูง
  4. กระจายและยืนยันบล็อก: หากนักขุดสามารถค้นพบ nonce ที่ถูกต้องได้สำเร็จ บล็อกใหม่นี้จะถูกกระจายไปยังเครือข่ายเพื่อการตรวจสอบ หากบล็อกได้รับการยืนยันจากนักขุดคนอื่นๆ ก็จะถูกเพิ่มลงในบล็อกเชน
  5. รับรางวัล: นักขุดที่แก้บล็อกได้สำเร็จจะได้รับ Bitcoin ที่สร้างใหม่พร้อมค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม โดยที่จำนวนรางวัลจะถูกลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ สี่ปีในกระบวนการ “halving”

อุปกรณ์สำหรับการขุด Bitcoin

การขุด Bitcoin ไม่สามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์ธรรมดา เนื่องจากต้องการพลังการคำนวณสูง ต่อไปนี้คืออุปกรณ์สำคัญที่นักขุดมักเลือกใช้:

  1. ASICs: ASICs (ApplicationSpecific Integrated Circuits) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการขุด Bitcoin มีประสิทธิภาพสูงกว่าชิปทั่วไป เช่น CPUs หรือ GPUs เนื่องจากพัฒนาให้ทำงานเฉพาะด้าน
  2. GPUs: แม้ GPUs จะด้อยประสิทธิภาพเมื่อเทียบกับ ASICs ในการขุด Bitcoin แต่ยังเป็นตัวเลือกที่นิยมสำหรับการขุดสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ หรือใช้ใน mining pools
  3. เครื่องขุด: เครื่องขุดมักเป็นระบบที่รวมฮาร์ดแวร์หลายตัว เช่น ASICs หรือ GPUs เพื่อเพิ่มพลังการแฮช การตั้งค่าที่มีประสิทธิภาพช่วยเพิ่มโอกาสในการขุดบล็อกสำเร็จ
Bitcoin คืออะไรในปี 2024: ความหมาย กำเนิด และพื้นฐานสำหรับผู้เริ่มต้น
Screenshot

ปัจจัยที่ส่งผลต่อกำไรในการขุด Bitcoin

ความสามารถในการทำกำไรจากการขุด Bitcoin ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยสำคัญ:

  1. ค่าพลังงาน: การขุดใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก ดังนั้นค่าไฟในพื้นที่ของคุณมีผลโดยตรงต่อกำไร
  2. ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์: เครื่องขุดบิทคอยน์ ที่มีประสิทธิภาพสูงจะช่วยลดต้นทุนพลังงานต่อการขุดและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว
  3. ราคา Bitcoin: การเปลี่ยนแปลงของราคาตลาด Bitcoin มีผลต่อรายได้ของนักขุดโดยตรง เมื่อราคาขยับขึ้นหรือลง กำไรที่เป็นไปได้ก็เปลี่ยนแปลงตาม
  4. ความยากในการขุด: ระดับความยากในการขุด Bitcoin ถูกปรับเปลี่ยนทุกสองสัปดาห์ การเพิ่มขึ้นของความยากอาจลดโอกาสในการขุดบล็อกสำเร็จ

วิธีการเริ่มต้นซื้อและจัดเก็บ Bitcoin

การลงทุนใน Bitcoin เป็นโอกาสที่น่าสนใจ แต่การเริ่มต้นนั้นจำเป็นต้องเข้าใจขั้นตอนการซื้อและการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างปลอดภัย บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการเริ่มต้นสำหรับมือใหม่

ขั้นตอนที่ 1: เลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน

ขั้นตอนแรกในการซื้อ Bitcoin คือการเลือกแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ  โดยการเลือกแพลตฟอร์มควรพิจารณาปัจจัยดังอย่าง ค่าธรรมเนียม, ความปลอดภัย, และวิธีการชำระเงิน

ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชี

เมื่อเลือกแพลตฟอร์มได้แล้ว ให้ดำเนินการสมัครบัญชี โดยต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ อีเมล และส่งเอกสารยืนยันตัวตน ขั้นตอนนี้อาจรวมถึง การอัพโหลดรูปถ่ายสำเนาบัตรประชาชน รวมถึงตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (TwoFactor Authentication) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ขั้นตอนที่ 3: ฝากเงินเข้าบัญชี

หลังจากสร้างบัญชีสำเร็จ คุณ จำเป็นต้องเติมเงินเข้าไปยังบัญชี โดยแพลตฟอร์มส่วนใหญ่รองรับการโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต

ขั้นตอนที่ 4: ซื้อ Bitcoin

เมื่อมีเงินพร้อมในบัญชี คุณสามารถซื้อ Bitcoin ได้ผ่านคำสั่ง 2 รูปแบบดังนี้:

  • Market Order: ซื้อ Bitcoin ในราคาตลาดปัจจุบันทันที
  • Limit Order: ตั้งราคาที่คุณต้องการซื้อ Bitcoin และคำสั่งซื้อจะถูกดำเนินการเมื่อราคานั้นมาถึงระดับที่ตั้งเอาไว้

วิธีการเก็บรักษา Bitcoin อย่างปลอดภัย

1. เลือกดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallets)

ดิจิทัลวอลเล็ตถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการเก็บรักษา Bitcoin โดยดิจิทัลวอลเล็ตนั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น:

  • Hardware Wallets: กระเป๋าเงินแบบฮาร์ดแวร์ เช่น Ledger หรือ Trezor ซึ่งเก็บ Bitcoin แบบออฟไลน์ ปลอดภัยจากการโจมตีทางออนไลน์
  • Software Wallets: แอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ใช้งานสะดวกแต่มีความเสี่ยงต่อการโดนแฮ็ก
  • Paper Wallets: การพิมพ์รหัสส่วนตัว (Private Key) และที่อยู่ Bitcoin ลงบนกระดาษ เหมาะสำหรับการเก็บระยะยาว แต่ต้องระวังการสูญหายหรือเสียหาย

ดังนั้นคุณควรศึกษาและทำความเข้าใจในข้อดีและข้อเสียของดิจิทัลวอลเล็ตแต่ละประเภทให้ลึกซึ้งก่อนเลือกเก็บรักษา Bitcoin ไว้ภายใน

2. ตั้งค่ามาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม

เพื่อป้องกันการสูญเสีย Bitcoin ที่อาจเกิดขึ้นจากการถูกโจรกรรม คุณเพิ่มมาตรการการป้องกันบัญชีภายในดิจิทัลวอลเล็ต ดังนี้:

  • ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกันสำหรับบัญชีและกระเป๋าเงิน
  • เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA)
  • อัปเดตซอฟต์แวร์และกระเป๋าเงินอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดความเสี่ยงจากช่องโหว่
  • สำหรับการถือครอง Bitcoin จำนวนมาก ควรใช้ Hardware Wallet เพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตีออนไลน์

คำถามที่พบบ่อย:

BTC ย่อมาจากอะไร?

BTC ย่อมาจาก Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการทำธุรกรรมออนไลน์และการลงทุนในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล

Bitcoin ทำเงินยังไง?

ผู้คนสามารถ ทำรายได้จากการขุด Bitcoin รวมถึงการซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยน หรือการลงทุนในเหรียญเมื่อราคาขึ้น นักลงทุนสามารถขาย Bitcoin เพื่อรับกำไร นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Bitcoin ในการจ่ายค่าสินค้าและบริการบางประเภทได้

Bitcoin halving history คืออะไร?

Bitcoin halving history หมายถึงประวัติของเหตุการณ์การ Halving ของ Bitcoin ที่เกิดขึ้นทุกๆ สี่ปี ครั้งแรกในปี 2012 ครั้งที่สองในปี 2016 และครั้งที่สามในปี 2020 ซึ่งเป็นกระบวนการลดรางวัลการขุดลงครึ่งหนึ่งเพื่อลดอัตราการผลิต Bitcoin ใหม่

คริปโตกับบิทคอยน์ต่างกันยังไง? 

เป็นปกติที่นักลงทุนมือใหม่หลายคน มักจะสับสนระหว่างคำว่า “คริปโต” และ “Bitcoin” โดยทั้งสองคำนี้มีความหมายที่แตกต่างกัน Bitcoin เป็น 1 ในสกุลเงินดิจิทัลหนึ่ง ที่อยู่ในระบบนิเวศของคริปโต ในขณะที่ “คริปโต” เป็นคำเรียกรวมสำหรับสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน